บุญพิธี คือพิธีทำบุญ ให้เกิดความสุขความสบายใจ เกี่ยวกับเรื่องฉลองบ้าง เรื่องต้องการสิริมงคลบ้าง เรื่องตายบ้าง โดยแยกเป็น ๒ ประเภท คือ :-
๑. ทำบุญงานมงคล
๒. ทำบุญงานอวมงคล
บุญพิธีทั้ง ๒ ประเภทนี้ นิยมการนิมนต์พระให้สวด เลี้ยงพระและถวายไทยธรรม ฉะนั้น จึงมีผู้เกี่ยวข้องในการปฏิบัติ เป็น ๒ ฝ่าย คือ
๑. ผู้ทำบุญ เรียกว่า "เจ้าภาพ" เป็นฝ่ายให้.
๒. ผู้ประกอบพิธีกรรม เรียกว่า "ฝ่ายภิกษุสงฆ์" เป็นฝ่ายรับ
ดังนั้น จึงต้องมีระเบียบพิธีตามสมควรแก่ประเภทนั้น ๆ ต่อไปนี้ :-
|
ทำบุญงานมงคล
|
ฝ่ายเจ้าภาพต้องเตรียมการต่าง ๆ ดังนี้
๑. อาราธนาพระสงฆ์ นิยมคี่ คือ ๕-๗-๙, ถ้าแต่งงาน นิยมคู่ คือ ๘, พิธีหลวงนิยมคู่ คือ ๑๐ รูป เป็นต้น.
๒. เตรียมที่ตั้งพระพุทธรูป พร้อมทั้งเครื่องบูชา ควรใช้โต๊ะหมู่ ๕-๗-๙ ถ้าหาไม่ได้ก็ใช้โต๊ะอื่นที่สมควรก็ได้ ควรปูผ้าขาว หรือผ้าสี ที่สะอาด ยังไม่เคยใช้เป็นดีที่สุด อย่าเอาผ้าที่นุ่งห่มแล้วปูโต๊ะบูชาเป็น อันขาด.
ของบนโต๊ะบูชา คือ พระพุทธรูป ๑ กระถางรูป ๑ เชิงเทียน ๒ แจกันดอกไม้บูชา ๒ จะเพื่ออะไรที่สมควรให้มากไปกว่านี้ก็ได้. จะตั้งพระพุทธรูป ควรให้อยู่ทางขวาของพระสงฆ์ หันพระพักตร์ไปทิศเดียวกับพระสงฆ์หันหน้าไป. แต่ถ้าที่ไม่อำนวย ก็จัดตามความเหมาะสม.
๓. ตกแต่งสถานที่บริเวณพิธี ต้องให้สะอาดเรียบร้อย ดูแลงามตา ชื่นใจ เป็นสิริมงคล.
๔. วงด้ายสายสิญจน์. สิญจน์ แปลว่า "รดน้ำ" สายสิญจน์ คือสายด้ายดิบ จับให้เป็น ๓ เส้น แล้วจับให้เป็น ๙ เส้น.
การวงสายสิญจน์ โยงจากฐานพระพุทธรูป วนขวารอบพระพุทธรูป โยงมาที่หม้อน้ำมนต์ วนขวาที่หม้อ
วางไว้ในพาน ตั้งใกล้อาสนะพระเถระผู้เป็นประธานในพิธี. (ห้ามข้ามสายสิญจน์)
๕. เชิญพระพุทธรูปมาตั้งบนโต๊ะบูชา ควรสรงน้ำพระพุทธรูปให้หมดฝุ่นมลทินที่อาจติดอยู่ แล้วเชิญขึ้นตั้งบนโต๊ะที่เตรียมไว้ แล้วกราบงาม ๓ ครั้ง.
๖. ปูลาดอาสนะสำหรับพระสงฆ์ จะยกพื้นให้สูงขึ้นขนาดเก้าอี้หรือไม่ยกพื้น เพียงแต่ปูเสื่อ ปูผ้าขาว แล้วปูผ้านิสีทนะ (ผ้ารองนั่งของพระ) แล้วแต่ความเหมาะสม. ต้องให้ที่พระนั่งสูงกว่าที่นั่งของคฤหัสถ์ ถ้าเสมอกัน ต้องแยก อย่าให้ติดกัน.
๗. เตรียมเครื่องรับรองพระสงฆ์ คือ หมากพลู น้ำเย็น น้ำร้อนและกระโถน วางไว้ด้านขวาของพระทุกรูป (พานหมากพลู กระโถนวางระหว่างกลาง ๒ รูปต่อ ๑ ชุดก็ได้) การวาง ให้วางกระโถนข้างในสุด ถัดออกมา ภาชนะน้ำเย็น, ถัดออกมา พานหมากพลู. น้ำร้อนจัด ประเคนภายหลัง.
๘. ตั้งภาชนะทำน้ำพุทธมนต์ ใช้หม้อน้ำมนต์มีฝาครอบ เรียกว่า "ครอบน้ำมนต์") หรือบาตร หรือขันทองเหลือง (เว้นขันเงิน-ทองคำ) มีพานรอง น้ำที่ใช้ทำน้ำพุทธมนต์ นิยมน้ำที่ได้มาจากดิน(ไม่นิยมน้ำฝน) ใส่ประมาณค่อยภาชนะ เทียนทำน้ำพุทธมนต์ ใช้เทียนขี้ผึ้งแท้ขนาดหนัก ๑ บาทอย่างต่ำ เตรียมตั้งไว้หน้าโต๊ะบูชา เยื้องมาให้ใกล้พระสงฆ์องค์ที่ ๑
๙. การจุดเทียน - ธูป เมื่อเริ่มพิธี เจ้าภาพควรจุดเทียน - ธูปเอง. (อย่าต่อไฟจากตะเกียงหรือจากที่อื่น) ตั้งใจบูชาพระ. อาราธาศีล รับศีล อาราธนาพระปริตร.
พระสวดถึงบทว่า "อเสวนา จ พาลาน" เป็นต้น เจ้าภาพจุดเทียนที่ครอบน้ำมนต์ แล้วยกครอบประเคนพระองค์ที่ ๑.
๑๐. ข้อปฏิบัติวันเลี้ยงพระ ถ้าสวดและฉันเช้าหรือฉันเพลด้วยหากมีการตักบาตร พอพระสวดถึงบทว่า "พาหุ" ก็เริ่มตักบาตรแล้วยกบาตรและภัตตาหารมาตั้งไว้ใกล้พระ พอสวดจบ ก็ประเคนให้พระฉันทันที. ถ้าสวดตอนเย็นเลี้ยงพระในวันรุ่งขึ้น. ก็ต้องเตรียมเครื่องรับรองพระสงฆ์เหมือนวันสวนมนต์เย็น. อาราธนาศีล รับศีล. ไม่ต้องอาราธนาพระปริตร.
พระสวดถวายพรพระ (นโม, อิติปิ โส, พาหุ) พอถึงบท พาหุ ก็เริ่มตักบาตร. . .
๑๑. สุดท้าย พอพระฉันเสร็จ เจ้าภาพถวายไทยธรรม. พระสงฆ์อนุโมทนา
เริ่มคำว่า ยถา. . . เจ้าภาพกรวดน้ำ.
พอพระว่าพร้อมกันว่า สพฺพีติโย. . . เจ้าภาพกรวดน้ำให้หมด
ประนมมือรับพรจน พระสวนจบ แล้วกราบ ๓ ครั้ง ส่งพระกลับ.
อนึ่ง ในพิธีทำบุญเลี้ยงพระ นิยมถวายข้าวพระพุทธ คือจัดภัตตาหารทุกอย่าง เหมือนที่ถวายพระสงฆ์ แต่ใช้ภาชนะเล็กกว่า วางบนโต๊ะ หรือบนผ้าขาวสะอาด หน้าโต๊ะบูชา จุดธูป ๓ ดอกปักในกระถางธูปหน้าพระ นั่งคุกเข่า ประนมมือว่า นโม. . .๓ จบ แล้วว่า
อิม สูปพฺยญฺชนสมฺปนฺน สาลีน (ถ้าไม่มีข้าวสาลี ก็ตัดบทว่า สาลีนออกได้) โอทน อุทก วร พุทฺธสฺส ปูเชมิ.
เมื่อพระสงฆ์ฉันเสร็จ เจ้าภาพกราบพระพุทธ ๓ ครั้ง ประนมมือกล่าวคำลาข้าวพระว่า
เสส มงฺคล ยาจามิ.
กราบแล้วยกภาชนะข้าวพระพุทธออกไป. (จะให้ผู้อื่นลาข้าวพระก็ได้)
ฝ่ายพระสงฆ์
พระสงฆ์ควรปฏิบัติการต่อไปนี้ :-
๑. ควรเตรียมตัวไว้ให้พร้อมก่อนถึงเวลา พอมีคนมารับก็ไปได้ทันที. ควรไปตามกำหนด อย่าให้ก่อนมากนัก อย่าให้กระชั้นนัก ต้องมีกาลัญญุตา
๒. ต้องนุ่งห่มเรียบร้อยเป็นสมณสารูป. ในถิ่นที่นิยมใช้พัด ควรนำไปทุกรูป และควรใช้พัดงานมงคล (ห้ามใช้พัดงานศพ ในงานมงคล)ถ้าขัดข้องก็ใช้พัดเฉพาะหัวหน้าองค์เดียวก็ได้. พัดนั้นใช้ในเวลา ๑. ให้ศีล ๒. ขัดตำนาน ๓. อนุโมทนา ๔. ชักผ้าบังสุกุล.
๓. ขณะขึ้นนั่งบนอาสนะ อย่าเหยียบผ้าขาวที่ปูไว้ ควรคุกเข่าเดินเข่าไปยังที่นั่ง, ย่ามต้องถือด้วยมือซ้ายรวมกันพัด (อย่าเอาย่ามคล้อง แขน ตั้งแต่เข้าบ้าน จนออกไป) วางพัดด้านขวามือ.
๔. พอเจ้าภาพอาราธนาศีล ผู้หัวหน้าคลี่สายสิญจน์ส่งต่อไปปลายแถว, พออาราธนาถึงวาระที่ ๓ ว่า ตติยมฺปิ . . . ผู้หัวหน้าตั้งพัดด้วยมือขวา ถัดใบพัดลงมา ๔-๕ นิ้ว หัวแม่มือทาบตรงขึ้นตามด้ามพัดสายสิญจน์พาดบนนิ้วชี้ พอจบคำอาราธนา ก็ตั้ง นโม. . . ให้สรณะ และศีล. ไม่ต้องว่า "ติสรณคมน นิฏฺิต)
๕. พอเจ้าภาพอาราธนาพระปริตรถึงครั้งที่ ๓ พระผู้มีขัดตำนาน(รูปที่ ๓) ตั้งพัดเตรียมขัด พออาราธนาจบ ก็เริ่มขัด สมนฺตา. . .ทันที. พอขัดจบ ทุกรูปยกสายสิญจน์ประนมมือ ให้สายสิญจน์อยู่ระหว่างง่ามแม่มือ. หัวหน้านำสวด ตั้งแต่ นโม. . . พอสวดถึงบทว่า เยสุปฺปยุตฺตา. . . ปลดเทียนน้ำมนต์ หยดเทียนลงในน้ำ พอถึงบทว่านิพฺพนฺติ ธีตา ยถา ยมฺปทีโป ก็จุ่มเทียนลงในน้ำมนต์และยกขึ้น (นิพฺ จุ่มลง. . .ปทีโป ยกขึ้น)
๖. การพรมน้ำพระพุทธมนต์ นิยมใช้หญ้าคามัดเป็นกำ, หรือก้านระยม ๗ ก้าน มัดติดกัน. พรมแก่บุคคลผู้เป็นเจ้าภาพที่ต้องการให้พรม หรือพรมแก่สถานที่ ซึ่งเจ้าภาพต้องการ. (พระสงฆ์สวดบทว่าชยนฺโต. . .ในขณะพรม.) ถ้าเดินพรมแก่บุคคลหรือสถานที่ ควรถือพัดไปด้วย.
|
[กลับขึ้นบน] |
ทำบุญงานอวมงคล
|
การทำบุญงานอวมงคล หมายถึง การทำบุญเกี่ยวกับเรื่องการตาย มี ๒ อย่าง คือ :-
ก. งานทำบุญหน้าศพ
ที่เรียกว่า "ทำบุญ ๗ วัน" . .๕๐ วัน . . ๑๐๐ วัน หรือ ทำบุญหน้าวันปลงศพ.
ข. งานทำบุญอัฐิ
ที่ปรารภบรรพบุรุษ หรือผู้ใดผู้หนึ่งที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นงานประจำปี เช่น วันสงกรานต์ (เดือน ๕),
วันสารท(เดือน ๑๐) หรือวันคล้ายกันวันตายของผู้นั้น ๆ.
ก. งานทำบุญหน้าศพ
พิธีฝ่ายเจ้าภาพ
ต้องเตรียมการต่าง ๆ ส่วนใหญ่คล้ายกับงานทำบุญมงคล แต่มีข้อแตกต่าง คือ :-
๑. อาราธนาพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ นิยมคู่ คือ ๘ รูป ๑๐ รูป เป็นต้น แล้วแต่กรณี. ใช้คำอาราธนาว่า "ขออาราธนาสวดพระพุทธมนต์" (งานมงคลใช้คำว่า "ขออาราธนาเจริญพระพุทธมนต์")
๒. ไม่ตั้งภาชนะน้ำพุทธมนต์ ไม่วงสายสิญจน์ คือไม่ต้องทำน้ำพระพุทธมนต์.
๓. เตรียมสายโยงหรือภูษาโยงต่อจากศพไว้ สายโยง คือด้วยสายสิญจน์นั่นเอง.
ภูษาโยง คือ แผ่นผ้า กว้างประมาณ ๔ นิ้ว ยาวให้พอตั้งแต่พระองค์ต้นแถว ถึงองค์ปลายแถว และต้องมีสายโยงจากศพมาเชื่อมกับภูษาโยงอีก. ระวังการเดินสายโยง อย่าให้สูงกว่าพระพุทธรูปในพิธี และอย่าให้ต่ำกว่าที่คนนั่ง อย่าข้ามสายโยงหรือภูษาโยง เพราะต่อเนื่องด้วยศพ สำหรับพระจับบังสุกุล.
การปฏิบัติกิจในพิธี เมื่อพระสงฆ์ประจำที่พร้อมแล้ว เจ้าภาพจุดธูปเทียนที่บูชาพระพุทธรูปก่อน จุดธูปเทียนที่หน้าศพภายหลัง. (แต่ บางท่านว่า จุดที่หน้าศพก่อน จุดที่หน้าพระทีหลัง)
ถ้ามีการเลี้ยงพระด้วย พอพระฉันเสร็จ เจ้าภาพถวายไทยธรรมแล้วคลี่สายโยง ถ้ามีผ้าสบง จีวร เป็นต้น ก็ทอดลงบนสายโยง แล้วนั่งประจำที่ พอพระชักบังสุกุล ก็ประนมมือไหว้. เมื่อพระสงฆ์อนุโมทนาก็กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายต่อไป.
พิธีฝ่ายพระสงฆ์
เตรียมตัวและปฏิบัติการส่วนใหญ่ก็เหมือนงานทำบุญมงคล แต่มีข้อแตกต่าง คือ :-
๑. ใช้พัดที่เกี่ยวกับงานศพ. (ถ้าไม่มี จะใช้พัดงานอื่นก็ได้).
๒. ทำบุญงานศพ ๗ วัน สวดอนัตตลักขณสูตร.
ทำบุญงานศพ ๕๐ วัน สวดอาทิตตปริยายสูตร.
ทำบุญงานศพ ๑๐๐ วัน สวดธรรมนิยามสูตร.
นอกจาก ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน สวดสูตรใดก็ได้ (เว้นเจ็ดตำนาน, สิบสองตำนาน, ธรรมจักร, มหาสมัย).
๓. ไม่ต้องขัด สมนฺตา. . . สคฺเค. . . มีลำดับสวดคือ :- นโม. . .พุทฺธ. . . ยกปิ เสลา . . . (องค์ที่ ๓ ขัด ตั้งพัด ขัดบทขัดของสูตรที่ต้องการ) ทุกรูปสวดพระสูตรที่ต้องการ จบพระสูตรแล้ว ต่อด้วย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา. . . ยทา หเว . . . อตีต นานฺวาคเมยฺย. . . ถ้าสวดธรรมนิยามสูตร จบแล้ว ต่อด้วย สพฺเพ สงฺขารา. . .แล้ว ต่อด้วย อวิชฺชา. . .
๔. ถ้างานวันเดียว มีเทศน์ด้วย เลี้ยงพระด้วย สวด อตีต นานฺวาคเมยฺย. . . จบแล้ว เทศน์. เทศน์จบแล้ว สวดถวายพรพระ (อิติปิ โส . . .พาหุ. . .ชยนฺโต. . .) ภวตุ สพฺพมงฺคล. . .
๕. ถ้าเพียงแต่สวดมนต์ บังสุกุล รับไทยธรรมแล้ว อนุโมทนาด้วยบท อทาสิ เม. . .
๖. การชักบังสุกุล ต้องจับพัดมือซ้าย, จับสายโยงมือขวา สอดสีนิ้วใต้สาย หัวแม่มือจับบนสาย, ถ้ามีผ้าทอดบนสายโยง ก็จับผ้าโดยวิธีเดียวกัน. ลั่นวาจาว่า อนิจฺจา วต สงฺขารา. . .
ข. งานทำบุญอัฐิ
พิธีฝ่ายเจ้าภาพ
พึงเตรียมงานส่วนใหญ่คล้ายกับงานทำบุญหน้าศพ. เพียงแต่ตั้งโกศอัฐิ หรือรูป หรือชื่อของผู้ตายบนโต๊ะ ต่างหากจากโต๊ะบูชาพระ จัดดอกไม้ประดับ ตั้งกระถางธูป เชิงเทียน ๑ คู่ หรือใช้กระบะเครื่องห้าแทนกระถางธูปเชิงเทียนก็ได้.
พิธีฝ่ายพระสงฆ์
ส่วนใหญ่ก็เช่นเดียวกับงานทำบุญหน้าศพ. เพียงแต่บทสวด นิยมสวด ธรรมนิยามสูตร สติปัฏฐานปาฐะ เป็นต้น.
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น